เราสามารถแบ่งไพ่ที่เราได้รับในเกมป๊กเกอร์เป็น 4 หมวดหมู่หลักๆคือ

  1. Value Bet 
  2. Medium Strength Hand
  3. Bluff and Semi-Bluff/Draw
  4. Very Weak Hand

ถึงแม้ว่าแต่ละหมวดหมู่อาจดูตรงไปตรงมาและเรียบง่าย  แต่มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราต้องทำความเข้าใจทฤษฎีที่ใช้ในการแบ่งแยกแต่ละหมวดหมู่ เพื่อที่เราจะสามารถตัดสินใจประเมิน Hand Category ได้อย่างถูกต้องที่สุด และสามารถใช้กลยุทธ์การเล่นที่เหมาะสมและทำกำไรจากมันได้  

#1 Value Hand 

ถ้าเราจัดไพ่ของเราอยู่ในหมวด Value Hand นั่นหมายความว่าเรากำลังถือไพ่ที่อยู่ในกลุ่มที่แข็งและดีที่สุด  และควรจะเล่นพวกมันอย่าง Aggressive (เป็นฝ่ายเริ่มต้นแอคชั่น/เริ่มกดดันก่อน) ด้วยการ Bet หรือ Raise  เราจะพยายามสร้าง Big Pot ด้วย Value Bet ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  เพราะเราต้องการให้คู่ต่อสู้ที่ถือไพ่อ่อนกว่า Call และยอมจ่ายให้กับ Bet ของเรา  

ก่อนที่เราจะ Value Bet ได้ ไพ่ของเราจะต้องเข้าเกณฑ์ต่อไปนี้:

ตัวอย่างไพ่ในหมวด#1

ไพ่อย่าง AA, AK, 66  บน Flop KQ6


 

#2 Medium Strength Hand 

เราควรเล่นไพ่ในหมวดนี้อย่าง Passive (เป็นฝ่ายตั้งรับ) เพราะเป็นไพ่ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่แข็งพอที่เราจะยินดีลงชิปไปเท่าไหร่ก็ได้  แต่ถึงยังไงพวกมันก็แข็งพอที่จะ Call Bet ของคู่ต่อสู้ได้อยู่  เราจึงควรเล่นไพ่กลุ่มนี้ด้วยการ Check Back (เมื่อคู่ต่อสู้ Check มาก่อน แล้วเรา Check กลับไป) หรือ Check Call (เราเป็นฝ่าย Check ไปก่อน และพร้อมจะ Call ถ้าคู่ต่อสู้ Bet กลับมา)   ไพ่พวก Middle Pair หรือ Top Pair อ่อนๆที่ Flop จะถูกจัดอยุ่ในไพ่หมวด#2 นี้  หลักการคือเราจะพยายามไปถึง Street ต่อไปให้ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นเราจึงค่อยประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง

แต่ในบางสถานการณ์ ถ้าแอคชั่น Check กันมาตลอดที่ Flop หรือ Turn ไพ่ในหมวด#2นี้ ก็อาจอับเกรดขึ้นไปเป็นหมวด#1 ก็ได้

ตัวอย่างไพ่ในหมวด#2

ไพ่อย่าง K9, AQ, JJ  บน Flop KQ6

#3 Bluffs and Semi­Bluffs/Draws 

หมวดนี้จะเป็นกลุ่มไพ่โปรดของเรา ถึงแม้พวกมันจะยังไม่ได้เป็นไพ่ที่ดีที่สุดแต่เราก็สามารถใช้มันทำกำไรได้อย่างมาก  เพราะพวกมันมีโอกาสดีที่จะพัฒนาเป็นไพ่ที่ดีที่สุด หรือสามารถกดดันให้คู่ต่อสู้หมอบไพ่ที่ดีกว่าเราได้  ไพ่ในหมวด#3 นี้จะถูกใช้เสมือนเป็น Value Bet ทั้งที่ในความจริง เราคาดหวังที่จะกดดันให้คู่ต่อสู้หมอบไพ่ที่ดีกว่าให้กับเรา  ดังนั้นกลยุทธ์การเล่นกับไพ่กลุ่มนี้คือ Bet หรือ Raise ทันที เช่นเดียวกับกลยุทธ์ที่เราใช้เล่นกับไพ่ในหมวด#1   

สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องเลือกไพ่ที่จะใช้ในกลุ่มนี้อย่างชาญฉลาด เพราะเรามีโอกาสชนะ Pot นี้ได้ก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้หมอบ หรือไพ่ของเราจะต้องพัฒนาดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งทั้งสถานการณ์ที่ซับซ้อนทั้งคู่

ตัวอย่างไพ่หมวดใน#3

ไพ่อย่าง AT, JT, T9 บน Flop KQ6

#4 Very Weak Hand 

ถ้าเราไม่สามารถจัดไพ่ให้อยู่ในหมวด#1 #2 หรือ #3 ได้เลย  นั่นหมายความว่าไพ่ของเราน่าจะอยู่ในหมวด#4 ซึ่งเป็นไพ่ที่อ่อนเกินไป และคู่ต่อสู้มีโอกาสสูงที่จะมีไพ่ดีกว่าเรา  เป็นกลุ่มไพ่ที่เราหมดหวังและพร้อมจะยอมแพ้ไปได้เลยด้วยการ Check หรือ Fold

แต่ถ้าคู่ต่อสู้เล่นอย่าง Passive และ แอคชั่น Check กันมาตลอด นั่นก็อาจหมายความว่าคู่ต่อสู้ก็น่าจะไม่มีไพ่อะไรเช่นกัน  ทำให้ไพ่ในหมวด#4นี้ อาจอับเกรดขึ้นไปเป็นหมวด#3 ที่เราจะใช้ Bluff ก็ได้ (เช่นเดียวกับการอับเกรดของหมด#2 ไปเป็นหมวด#1)   ซึ่งโดยมากไพ่ในหมวด#4 นี้มักเป็นไพ่พวก Ace High ที่ไม่ดีนัก ไพ่คู่อ่อนๆ หรือ ไพ่ที่มี Draw แย่ๆหรือไม่มี Draw อะไรเลย

ตัวอย่างไพ่หมวดใน#4

ไพ่อย่าง A2, 22, 98 บน Flop KQ6

Hand Ranking

เราได้เรียนรู้และเห็นตัวอย่างของไพ่ในแต่ละหมวดหมู่กันไปแล้ว  อีกสิ่งที่สำคัญคือการทำความเข้าใจว่าหมวดหมู่ของไพ่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละ Street เราจึงต้องกำหนดเกณฑ์ในการตัดสินใจขอบเขตของไพ่แต่ละกลุ่ม  เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงหมวดหมู่ เราจะได้ปรับกลยุทธ์การเล่นตามได้อย่างเหมาะสม

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองนึกถึงชุดไพ่ด้านล่างที่เราจะ Raise Preflop:

KK, TT, 77, AKs, ATs, A8s, QJs, 98s

เราสามารถจัดอันดับไพ่ Preflop ดังนี้….

แต่เมื่อ Flop เปิดมาเป็น 9-8-4…

…อันดับของไพ่ที่เราได้จัดไว้จากช่วง Preflop จะเปลี่ยนแปลงไปทันที ซึ่งเราสามารถจัดตาม 4หมวดหมู่ ที่เราได้พูดถึงไปแล้วในด้านบนดังนี้

#1 Value Hand สำหรับบน Flop นี้จะเป็น 98, KK, TT   

#2 Medium Strength Hands สำหรับบน Flop นี้จะเป็น 77, 88

#3 Bluffs and Semi­Bluffs/Draws สำหรับบน Flop นี้จะเป็น QJs

#4 Very Weak Hand สำหรับบน Flop นี้จะเป็น AKs, ATs

♠️❤️♣️♦️♠️❤️♣️♦️♠️❤️♣️♦️♠️❤️♣️♦️♠️❤️♣️♦️♠️❤️♣️♦️

บทสรุปจากบทที่ 11