สัปดาห์ที่แล้วเราพูดถึงการ bet และการใช้ bet size กันไปแล้ว ก็คิดว่าทุกคนคงเริ่มเข้าใจแล้วว่าควรจะ bet เมื่อไหร่และใช้ bet size เท่าไหร่ดี มาในสัปดาห์นี้ ผมจึงอยากมาต่อกันที่การเลือก action เล่นอีกอย่าง นั่นก็คือการ “check” ซึ่งเป็นอีก 1 action ที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อ EV ของเรามากๆเช่นกัน

จั่วหัวมาแบบนี้ หลายๆคนอาจจะงงว่า ไม่เห็นจะยากตรงไหน เพราะส่วนใหญ่เราก็มักเลือกที่จะ check เวลาที่ไม่ติดอะไร หรือมีแฮนด์ที่ไม่ได้ดีพออยู่แล้ว แต่นั่นคือความจริงเพียงส่วนเดียว เพราะแท้จริงแล้ว เราจำเป็นต้องใช้การ check ที่เยอะกว่านั้น เพราะแน่นอนว่า หากเราเลือก check เฉพาะเวลาที่เราไม่มีแฮนด์ที่ดีอย่างเดียว จะทำให้ checking range ของเราไม่บาลานซ์ และอ่อนแอมากๆ (เพราะคู่ต่อสู้จะรู้ทันทีว่า เมื่อไหร่ที่เรา check เราจะไม่มีแฮนด์ที่ดีอย่างแน่นอน ทำให้เขาสามารถ bluff เราได้มากขึ้น) เราจึงจำเป็นต้องบาลานซ์ checking range ของเราให้หลากหลาย โดยเราสามารถเลือกที่จะ check เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้

=================================

1. เมื่อเรา OOP บน flop ที่เราไม่มี range/nut advantage เป็นส่วนใหญ่ 

เหตุผล = เวลาที่เรา OOP (เช่น เป็น UTG open vs BTN call หรือเป็น BB call vs BTN open) เราย่อมเสียเปรียบด้านตำแหน่งทุก street ดังนั้น มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเท่าไหร่ที่เราจะ bet บน flop ที่เราไม่ได้มี advantage จริงๆ เพราะคู่แข่งของเราสามารถมีแฮนด์ที่ดีได้มากกว่า ถ้าเจอ raise เราก็อาจจะไม่ค่อยยินดีที่จะ call เท่าไหร่ หรือถ้าเรา bluff ไป ก็มีโอกาสที่คู่แข่งจะ call ตาม หรือ raise กลับมาได้ ทำให้เราต้องเสียเงินค่า bluff ไปฟรีๆ ดังนั้น ถ้าเรา OOP เราจึงต้องพยายามเล่นให้รัดกุม ในเชิง defend มากเป็นพิเศษ แทนที่จะเล่นแบบ aggressive โดยเสียเปรียบเรื่องตำแหน่งตลอด

=================================

2. เมื่อเรามี marginal hand บนบอร์ดที่ค่อนข้างอันตราย (เช่น เราเป็น BTN มี QQ บอร์ด A87 2 tone vs BB single raised pot)

เหตุผล = marginal hand เช่น top pair low kicker, lower pair, middle pair, bottom pair ที่มี kicker ไม่ดีมาก หรือ under pair อาจจะไม่ใช่แฮนด์ที่ดีพอที่จะ bet เพื่อเรียก value จากคู่แข่งเท่าไหร่ โดยเฉพาะบนบอร์ดที่อันตราย เราจึงมัก check เพื่อ realized equity หรือใช้ check call กรณีที่เรา OOP หรือใช้เป็น bluff catcher แทนมากกว่า อีกทั้งยังเป็นการช่วย pot control ไม่ให้ pot ใหญ่เกินไปกับแฮนด์ที่ไม่ได้ strong มากของเรา เพราะถ้าเรา bet โดย marginal hand โดยใช้ bet size ใหญ่ไป ก็มีแต่จะทำให้ถูก call จากแฮนด์ที่ดีกว่าเรา ทำให้เราไม่สามารถหา value จากแฮนด์ที่แย่กว่าได้ หนำซ้ำยังเสีย value ให้กับแฮนด์ที่ดีกว่าอีกด้วย 

=================================

3. เมื่อเรามี none made hand ที่เป็น High card ที่พอจะมี showdown บนบอร์ดที่คู่แข่งมี draw เยอะกว่าเรา (เช่น เราเป็น BTN มี KQs บอร์ด T76 2 tone vs BB Single raised pot)

เหตุผล = การมีเราไม่ติดอะไรบนบอร์ด ทางเลือกคือ เราอาจจะ bet เพื่อ bluff หรือ check back เพื่อ realized equity ซึ่งหากแฮนด์ของเราไม่มี draw ที่จะมาช่วย semi bluff หรือมี blocker effect ที่ช่วยกันคู่แข่ง และแฮนด์ของเราก็อาจจะยังใหญ่พอ ที่จะมี showdown value อยู่บ้าง เราก็ควรเลือกที่จะ check back เพื่อ realized equity มากกว่า เพราะหากไม่ติดอะไรทั้งคู่ เราอาจจะยังพอมีโอกาสชนะ เมื่อ check ถึง showdown เราจึงไม่จำเป็นต้อง bluff มาก (bluff ไป ถ้าคู่แข่งไม่มีลุ้นอะไรและแฮนด์แย่กว่าเรา เขาก็ fold อยู่แล้ว แต่ถ้าเขามี made hand หรือมี draw เราก็ทำให้เขา fold ไม่ได้อยู่ดี)

=================================

4. เมื่อเรามี over pair สูงๆ บนบอร์ดที่ wet/dynamic ที่คู่แข่งมี draw ได้เยอะ (เช่น AA บนบอร์ด 765 2 tone)

เหตุผล = บางคนอาจจะคิดว่า ยิ่งบอร์ดอันตราย แล้วเรามีแฮนด์ที่ดีอย่าง over pair สูงๆ เรายิ่งควรจะต้อง bet ใหญ่ๆ เพื่อไม่ให้คู่แข่ง draw มาติดง่ายๆถูกๆ แต่ตามหลัก GTO แล้ว เรายิ่งควรจะ check มากกว่า bet เหตุผลก็เพราะ หากคู่แข่งมี equity ในการ draw มากพอ ถึงจะ bet ใหญ่ยังไง คู่แข่งก็ต้อง call อยู่ดี และ over pair สูงๆ ก็ไม่มีภาระที่ต้อง protect equity ของตัวเองมากนัก (เทียบกับแฮนด์อย่าง top pair หรือ middle pair ที่มีโอกาสถูกแซงด้วย pair ที่ดีกว่าได้ง่ายกว่า) รวมถึง over pair นั้นพัฒนาแฮนด์ได้ยาก (ติดเป็น set หรือ full house ยาก) โดยรวมแล้ว over pair จึงไม่อยากที่จะทำให้ pot ใหญ่เกินความจำเป็นในบอร์ดที่อันตราย จึงควร check มากกว่า

=================================

5. เมื่อเรามี strong hand บนบอร์ดที่คู่แข่งแทบไม่มี draw หรือ block top pair/ top 2 pair ของคู่แข่ง หรือเรามี nut (เช่น A9 บนบอร์ด A95 rainbow หรือ AQs บนบอร์ด T87 monotone ที่ติด flush)   

เหตุผล = เป็นสถานการณ์ที่เราหา value จากคู่แข่งได้ค่อนข้างยาก และเราไม่ต้องกลัวคู่แข่งจะพลิกกลับมาชนะเราเท่าไหร่ ทำให้เราสามารถ check ที่ flop เพื่อ slow play ในการเปิดโอกาสให้คู่แข่งได้มีโอกาสพัฒนาแฮนด์หรือมี draw เพิ่มขึ้นบ้างตอน turn ที่จะช่วยเปิดโอกาสให้เราเรียก value ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้คู่แข่งได้ bluff เราได้บ้าง ทำให้เรามีโอกาสหา EV ได้เพิ่มขึ้น

=================================

ทั้งหมดนั่นคือแนวทางเบื้องต้นที่เราสามารถเลือกที่จะ check ได้ ที่จะช่วยให้ checking range ของเราบาลานซ์มากขึ้น และไม่ถูกคู่แข่ง exploit ได้ง่ายๆ และช่วยลดการสูญเสีย EV ในระยะยาวจากการเล่นที่เสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็นได้

หวังว่าจะเป็นแนวทางที่ช่วยให้ทุกคนนำไปเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ

#Zuburbian1

#TeamAce Academy