Bet size คืออีกเรื่องที่สำคัญมากๆในเกมโป๊กเกอร์ มันคือสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายต่อ winrate และการหา EV ในระยะยาวได้ และอาจจะเป็นเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ของใครหลายๆคน (ที่ไม่รู้ว่าควรจะ bet แค่ไหน เมื่อไหร่ดี ก็เลยได้แต่ bet ½ pot ไปเรื่อยๆ) 

วันนี้ผมจึงมีแนวทางการใช้ bet size แต่ละไซส์มาแนะนำให้ไปใช้กันอย่างถูกต้อง มานำเสนอ ให้ไปลองใช้กันดู โดยจะเป็นการนำไปใช้เบื้องต้น กับการเล่นที่ flop เป็นหลักก่อนนะครับ (อาจจะยังไม่ลงลึกถึง turn river เพราะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น)

=====================

1. ไซส์เล็ก (20%-30% pot)

จุดประสงค์หลักของ bet เล็ก = protect/deny equity บนบอร์ดที่มี draw พอสมควร, thin value บนบอร์ดที่ static มากๆ

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ bet

=====================

2. ไซส์กลาง (40% -​60% pot) 

จุดประสงค์ของ bet กลาง = protect/deny equity บอร์ดที่มี draw เยอะ โดยเฉพาะบอร์ดที่มี flush draw และใช้หา value หลักๆกับ strong hand ในกรณีทั่วไป

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ bet

=====================

3. ไซส์ใหญ่ (70%-80% pot)

จุดประสงค์ของ bet ใหญ่ = ใช้เพื่อเรียก EV เพิ่มขึ้น บนบอร์ดที่คู่แข่งมี value hand หรือ draw ที่จะ call ตามเราได้เยอะ

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ bet

=====================

4. Overbet (120%-150% pot) 

จุดประสงค์ของการ overbet = ใช้เพื่อเรียก EV สูงสุด บนบอร์ดที่คู่แข่งมี value hand และ draw ที่จะ call ตามเราได้เยอะมากๆ

สถานการณ์ทั่วไปที่ใช้ overbet

=====================

โดยสรุป จะเห็นได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดขนาดของ bet size ว่าเราจะสามารถ bet ใหญ่ได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักๆคือ :

1. บอร์ด = ยิ่งบอร์ด static หรือ dry ยิ่ง bet เล็ก เพราะเราไม่ต้อง protect/deny equity เท่าไหร่ แต่ยิ่งบอร์ด dynamic หรือ wet (มี draw เยอะ) ยิ่ง bet ได้ใหญ่ เพราะเรามีภาระต้อง protect/deny equity สูงขึ้น

2. range/nut advantage = ยิ่งมีมาก ยิ่งมีโอกาส bet ใหญ่ได้มากขึ้น เพราะคู่แข่งมีโอกาส call กับแฮนด์ที่แย่กว่าเราได้เยอะ

3. Calling range ของคู่แข่ง = ถ้า range ของคู่แข่ง มี value hand และ draw ที่จะสามารถ call เรามาได้มาก เรายิ่ง bet ได้ใหญ่ขึ้น

ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้เราเข้าใจว่า เราสามารถ bet ใหญ่ได้แค่ไหน ก็คือเราต้องเข้าใจ และจดจำ “range” ทั้งของเราและของคู่แข่งได้เป็นอย่างดีซะก่อน ยิ่งเราแม่นเรื่อง range มากแค่ไหน รู้ว่าคู่แข่งจะ call กับอะไรได้เยอะ เราก็ยิ่งสามารถ bet ใหญ่ เพื่อทำกำไรได้มากขึ้น หรือรู้ว่าคอมโบไหนเราไม่ควร bet ใหญ่ เพราะ range คู่แข่งได้เปรียบกว่าเรานั่นเอง

สุดท้าย อย่าลืมว่า คำแนะนำดังกล่าว มีพื้นฐานมาจากการ balance ตาม GTO ซึ่งเวลาเล่นจริง เราเองก็ต้องวิเคราะห์สไตล์การเล่นของคู่แข่งด้วย ว่าเป็นสไตล์ไหน (ยิ่ง loose เราก็อาจจะยิ่งใช้ไซส์ใหญ่ขึ้นกว่าปกติได้ และไม่ควร bluff ด้วยไซส์ใหญ่เกินไปด้วยเช่นกัน) เพื่อให้มีโอกาส expolit และรับมือกับคู่แข่งได้ดีขึ้น โดยไม่ยึดติดกับตำรานั่นเองครับ

#Zuburbian1

#TeamAceAcademy